'บิ๊กตู่' ลั่นหยุดขัดแย้งคืนสุขปชช. วอนร่วมปฏิรูปปท. เลิกชู 3 นิ้ว ให้ชู 5 นิ้ว 'คสช.' ยกเลิกเคอร์ฟิว ชะอำ-หัวหิน-กระบี่-พังงา เรียก 12 คน รายงานตัวเพิ่ม
“老豆啊” 發出停止矛與盾 是人民的福 苦苦哀求加入改革 廢除三條 行使五條 “憲法政權”
廢除宵禁今 ชะอำ-หัวหิน-กระบี่-พังงา 曾加十二人名單
6 มิ.ย. 57 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้การต้อนรับ นายวิชัย อัศรัศกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ได้นำกลุ่มนักธุรกิจชาวจีน จากภาคการเงินการธนาคาร และภาคอุตสาหกรรม โดยมีแนวทางหารือ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจในการลงทุน ให้แก่กลุ่มธุรกิจของจีนในประเทศไทย
พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงเหตุผล ที่คสช.เข้ามาบริหารประเทศว่าไม่ใช่เป็นการทำลายประชาธิปไตย แต่ต้องการพยุงระบบเพื่อรักษาให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง ซึ่งในช่วงแรก ขอให้นักธุรกิจจีนร่วมมือกับ คสช.ร่วมมือจัดการผลประโยชน์ทับซ้อน การคอร์รัปขั่น เพื่อทำให้สินค้าถูกลง โครงการต่างๆ ใช้งบประมาณลดลง ส่วนระยะสอง คาดว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลมี นายกรัฐมนตรีและ ครม.ไม่เกิน 3 เดือนนับจากนี้ อย่างไรก็ตาม ยังขอให้นักธุรกิจจีนช่วยสร้างงานถ่ายทอดเทคโนโลยีให้คนไทย โดยเฉพาะให้เร่งประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ว่าการประกาศ เคอร์ฟิวไม่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชนและนักท่องเที่ยว สุดท้ายได้ย้ำนโยบายของ คสช.คือการแข่งขัน อย่างเสรีเป็นธรรมไม่ทุจริต ช่วยสร้างความเข้มแข็ง แข็งแกร่งให้คนไทยและในฐานะหัวหน้า คสช.อยากให้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์โดยใช้สติปัญญาของคนไทย หากพบหน่วยงานหรือบุคคลใดเรียกรับผลประโยชน์ขอให้แจ้งมาที่ตนโดยตรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติประจำวัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มอบหมายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมเพื่อติดตามการทำงานในแต่ละส่วนงาน ซึ่งได้มีการชี้แจงผลการปฏิบัติงานในส่วนต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ กลุ่มงานรักษาความสงบเรียบร้อย สำนักงานเลขาธิการฯ คสช. ได้กล่าวรายงานที่ประชุมถึงการควบคุมตัวนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุดได้แล้ว นอกจากนี้ฝ่ายความมั่นคง ได้รายงานถึง เอกอัครราชทูตเวียตนามและจีนเข้าพบผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยยืนยันคงความสัมพันธ์ที่ดีต่อไทย ส่วนประเทศเมียนมาร์ ในฐานะประธานอาเซียน ได้แสดงจุดยืน มีความเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของไทย และในฐานะประธานอาเซียนจะช่วยสร้างความเข้าใจกับมิตรประเทศในประชาคมอาเซียนด้วย นอกจากนี้กระทรวง ICT ได้มีการรายงานว่าได้มีการปิดเว็บไซต์ไม่เหมาะสม จำนวน 42 URL
ขณะที่ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้ชี้แจงว่าหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คสช. ได้มีการประชุมร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคม โดยเป็นการรับฟังแผนงานและโครงการเร่งด่วนเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน โครงการเร่งด่วนที่จะนำเสนอ คสช. ในส่วนที่เป็นโครงการที่ได้ดำเนินการไปในบางขั้นตอนแล้ว และโครงการที่ติดค้างอยู่ ทั้งนี้ หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจได้ย้ำถึงแนวทางการนำเสนอโครงการต่อ คสช.ว่า จะต้องพิจารณาตามหลักของความโปร่งใส ความถูกต้อง
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช ได้กล่าวเน้นย้ำในที่ประชุม ให้ทุกส่วนราชการสานต่อโครงการพระราชดำริและศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง โดยขอให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่และขยายผลออกไปให้สัมฤทธิ์ผล พร้อมให้ส่วนราชการเร่งส่งแผนงานและงบประมาณเพื่อเดินหน้าในการบริหารงานจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ทั้ง ฤดูแล้ง ดูน้ำท่วม พร้อมย้ำให้หน่วยในพื้นที่ส่งข้อเสนอมายังคสช.ในเหตุผลการยกเลิก เคอร์ฟิวในแต่ละพื้นที่ โดยหัวหน้าคสช.มีแนวคิดที่จะประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวในพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติม (หัวหิน ชะอำ หาดใหญ่ กระบี่) ทั้งยังย้ำส่วนราชการที่มีส่วนงานที่ต้องให้บริการประชาชน ต้องมีการจัดระบบงานที่รวดเร็ว อำนวยความสะดวก ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน ประหยัดเวลา ประขาชน พร้อมย้ำให้กระทรวงต่างประเทศ เร่งทำความเข้าใจ กับ นานามิตรประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นของประเทศไทย
ป.ป.ช.ชี้'บิ๊กตู่'ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน
นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนักการเมือง ว่า สามารถทำได้โดยปกติ เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช. นั้นยังดำเนินไปได้ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 เพราะคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้คงกฎหมายฉบับดังกล่าวไว้ ดังนั้นเชื่อว่าการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองเป็นพิเศษ จำนวน 5 คน ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นั้นจะไม่มีปัญหาข้อโต้แย้ง ส่วนการตรวจสอบ หรือการให้แจ้งรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคณะ คสช. นั้น ตามกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจกับ ป.ป.ช. ไว้ แต่ในส่วนของการดำรงตำแหน่งทางราชการระดับสูง เช่น ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.อยู่ ตามกฎหมายกำหนดให้ยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นปกติอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการปกครองบ้านเมืองที่ไม่ปกติ และมีคณะผู้นำที่เทียบกับตำแหน่งรัฐบาล จะมีการใช้กฎหมายแบบเทียบเคียงไปตรวจสอบหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ศึกษา ตนไม่ขอตอบ
'ประยุทธ์' จัดรายการ 'คืนความสุขให้คนไทย'
นางสาวปถมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงว่า ในคืนวันนี้ (6 มิ.ย.) เวลา 20.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา หัวหน้า คสช.จะออกรายการพิเศษ ชื่อรายการ "คืนความสุขให้คนไทย" ทั้งทางวิทยุกระจายเสียง และโทรทัศน์ เนื่องจากในวันนี้ เป็นวันครบรอบปฏิบัติการดีเดย์ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นปฏิบัติการทางทหารที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคประชาชน และเมื่อมาเทียบเคียงกับบ้านเราขณะนี้ จึงอยากให้เราเริ่มเดินหน้าสร้างความปรองดองในประเทศด้วยกัน
ยัน คสช.ไม่ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม
ร้อยเอก นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงว่า ที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการทั้งฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม , กิจการพิเศษ และส่วนขึ้นตรง หน.คสช. เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม โดยมีหัวหน้าฝ่ายต่างๆ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งในส่วนของฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม หัวหน้า คสช.เน้นย้ำว่า คสช.จะไม่ก้าวก่ายการปฏิบัติราชการของฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกฎหมายที่จะมีผลกระทบในวงกว้าง เรื่องที่จะกระทบต่อโครงสร้างหน่วยงานค่าตอบแทนให้ไปดำเนินการในแผนงานระยะที่สองของการปฏิรูป ส่วนเรื่องที่กระทบต่อโครงสร้างขนาดใหญ่ให้ดำเนินการต่อเมื่อมีการตั้งรัฐบาลใหม่ ส่วนเรื่องที่เป็นข้อขัดข้องต่อการค้าการลงทุน และผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรงให้ดำเนินการโดยเร่งด่วน
ร้อยเอก นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนคือเรื่องที่เป็นข้อขัดข้องต่อการค้าการลงทุน เรื่องที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าการลงทุนระหว่างประเทศที่ยังคั่งค้างในกระบวนการยุติธรรม และเรื่องที่กระทบต่อประชาชนโดยตรงเพื่อให้เกิดความสงบสุข พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมบังคับใช้กฎหมายปกติเป็นอันดับแรก การใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกให้ทำเท่าที่จำเป็น รวมทั้งให้โอกาสทุกฝ่ายเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ ให้เร่งสร้างองค์กรในกระบวนการยุติธรรมให้เข้มแข็ง เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น เรียกศักดิ์ศรีขององค์กรคืนมา ปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานให้มีภูมิคุ้มกันตัวเอง โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายให้ใช้การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายของทหารเป็นรูปแบบ ให้ทุกหน่วยในกระบวนการยุติธรรมช่วยกันตรวจสอบประกาศและคำสั่งต่างๆ ให้มีความถูกต้อง
ร้อยเอก นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ในส่วนของฝ่ายกิจการพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับทราบถึงแผนงานต่างๆ โดยเฉพาะโครงการในพระราชดำริตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และขอให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันอย่างเต็มที่ ซึ่งปัจจุบันเป็นศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ หัวหน้า คสช.เห็นควรว่าให้มีการสนับสนุนและขยายผลออกไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีโครงการพระราชดำริและโครงการตามแนวพระราชดำริกว่า 4 พันโครงการ สร้างประโยชน์สุขให้กับคนไทยจึงขอให้ทุกหน่วยงานขยายทุกโครงการให้สำริดผล ด้านการบริหารจัดการน้ำ ทั้งน้ำแล้ง น้ำท่วม พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกัน ซึ่ง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ดูแลงานด้านนี้ และมีฝ่ายที่คุมกระทรวงต่างๆ เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำจะต้องส่งแผนงานโครงการ งบประมาณมายังรองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจเพื่อดำเนินการประชุมสรุปและส่งให้กับหัวหน้า คสช.ต่อไป
ร้อยเอก นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำงานด้านการบริหารจัดระบบงาน ว่าให้จัดระบบการบริการประชาชนให้รวดเร็ว สะดวก เพราะในอดีตประชาชนเดือดร้อนทั้งการเดินทาง จึงขอให้หน่วยงานต่างๆ อำนวยความสะดวกให้ประชาชนอย่างเต็มที่ ในส่วนของปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ให้นโยบายเน้นความมีเอกภาพในการทำงาน ต้องมีความชัดเจนทั้งในระดับนโยบาย ระดับยุทธศาสตร์ ระดับการปฏิบัติงาน ทั้ง ศอ.บต. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดข้าราชการลงไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเหมาะสม โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะกำกับดูแลภาพรวมทั้งหมด
"พล.อ.ประยุทธ์ ได้อธิบายกับหน่วยราชการในการประชุมเรื่องของกระบวนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ โดยเฉพาะในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงแรก ทหารจะทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวก ให้กลุ่มต่างๆ มาทำกิจกรมร่วมกัน พูดคุยและสร้างความเข้าใจอันดีเพื่อนำไปสู่บรรยากาศที่เอื้อต่อความมีไมตรีและความสามัคคี"
'บิ๊กตู่' ลั่นหยุดขัดแย้งคืนสุขประชาชน
เมื่อเวลา 20.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือในการปฏิรูปประเทศ ขณะที่ คสช.พร้อมรับฟังความเห็นของทุกภาคส่วนเพื่อนำมาปฏิบัติ
พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นด้วยการชี้แจงสาเหตุการเข้าควบคุมอำนาจของ คสช.ว่า เนื่องมาจากการบริหารราชการแผ่นดินใน 3 ส่วน คือ ส่วนบริหาร ส่วนนิติบัญญัติ และส่วนตุลาการ กำลังจะถูกทำลายลง เราเข้ามาเพื่อสร้างความเข้มแข็งเหมือนเข้ามาเติมอิฐ เติมหิน เติมคอนกรีต เติมเหล็ก เข้าไปให้สิ่งที่กำลังจะพังลงมานั้น ได้ก่อร่างสร้างขึ้นมาใหม่ เพื่อเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ดังเช่นที่ทุกคนต้องการ ซึ่งการล่มสลายนั้น ฝ่ายการเมือง ฝ่ายข้าราชการ ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมต่างๆ มีความขัดแย้งกันซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดการไม่เคารพกฎหมาย กฎหมายปกติใช้งานไม่ได้จนกระทั่งต้องใช้กฎหมายพิเศษ ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรอิสระมีปัญหา กระบวนการยุติธรรมในทุกภาคส่วน อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ศาล เกิดปัญหาทั้งหมด ขาดความเชื่อมั่นและความเชื่อถือจากประชาชนทุกฝ่าย ประชาชนหลายส่วน หลายฝ่าย ไม่เคารพกฎหมาย กระทำใดๆ ก็ตามไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ โดยอ้างสาเหตุถึงความขัดแย้ง สังคมในวันนี้ก็ไม่มีคุณธรรม จริยธรรม ระบบราชการถูกครอบงำ
เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมา 9 ปีเต็มๆ โดยความเดือดร้อนที่มากที่สุดคือ 6 เดือนที่ผ่านมา มีการบาดเจ็บสูญเสียเป็นจำนวนมาก มีการดำเนินคดีทางกฎหมายมากมาย คดียังคงติดค้างอยู่ในกระบวนการมีเป็นจำนวนมาก สิ่งที่สำคัญในวันนี้นั้น เราทำเพื่อให้ทุกอย่างนั้นกลับไปสู่ภาวะปกติ ทุกคนมีความสุข คืนความสุขให้แก่คนในชาติทุกคน
"วันนี้เราอาจจะมีทั้งคำชมและคำตำหนิ ในส่วนคำชมนั้น ผมถือว่าเป็นธรรมดาต้องมีทั้งคนรักทั้งเกลียด ทั้งชอบ ไม่ชอบ แต่สิ่งที่ผมจะเอามาเป็นส่วนในการพิจารณาในการดำเนินการขับเคลื่อนสั่งการทั้งหมด ผมจะรับคำตำหนิมาเป็นหลัก และนำมาสู่กระบวนการในการคัดกรองว่าเป็นไปด้วยความเห็นที่เจตนาดีหรือไม่ ถ้าเจตนาดีผมจะนำไปสู่การปฏิบัติ เพราะฉะนั้นธรรมดาต้องมีคำตำหนิ คงจะไม่มีใครชมในขณะที่เราทำงานแบบนี้ แต่เราให้รู้ว่าเราจะพยายามจะทำในส่วนที่ให้กระบวนการประชาธิปไตยนั้นเข้มแข็งและสมบูรณ์ทุกพวก ทุกฝ่ายพอใจ" หัวหน้า คสช.กล่าวและยืนยันว่า การใช้กฎหมายแรงจะใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงเรื่องการจัดตั้งศูนย์ปรองดองเพื่อการปฏิรูป ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ทุกคนหันหน้ามาพูดคุยกัน หลังจากมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมาเป็นเวลานาน โดยทหารจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก เป็นผู้สังเกตการณ์และเป็นผู้ให้ข้อมูล หลังจากนั้นทุกอย่างจะนำไปสู่การดำเนินการขั้นที่ 2 ของรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นมา ก็จะมีทั้งสภาปฏิรูป และสภานิติบัญญัติ ส่วนขั้นตอนที่ 3 คือ จัดให้มีการเลือกตั้ง
ประกาศหยุดทุจริตคอร์รัปชั่นให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงการดำเนินการของ คสช.ที่ผ่านมาทุกๆ ด้าน ทั้งงานด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การเมือง การยุติธรรม พลังงาน และด้านสังคมจิตวิทยา โดยย้ำว่า ได้ขับเคลื่อนงาน 21 กระทรวงให้ทำงานร่วมกับข้าราชการตามนโยบายของ คสช. ตามการสั่งการอนุมัติของตน ในฐานะหัวหน้า คสช. โดยฟังเสียงผู้มีส่วนร่วมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภาคเศรษฐกิจ สังคม ประชาชนภายนอก เอามาเป็นแนวทางให้การปฏิบัติในทุกๆ เรื่อง
"เราจะไม่ผลีผลามการใช้จ่ายงบประมาณ ถึงแม้ว่าจะรีบอย่างไร แต่ถ้าไม่ถูกต้อง ดำเนินการไปก็เสียหายในวันหน้า ฉะนั้นทุกอย่างจะต้องระมัดระวัง ทุกขั้นตอนจะต้องโปร่งใส หยุดการทุจริตคอร์รัปชั่นให้ได้ อย่าไปหลงเชื่อใครว่าผู้ใดจะสามารถมาสั่งการ สามารถมาให้หัวหน้า คสช.สั่งเรื่องนี้เรื่องนั้นให้ ไม่มีทาง ผมไม่พบใครทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเราจะทำอะไรที่สังคมต้องการแก้ไข เราก็จะทำให้ แล้วเราก็จะทำเป็นตัวอย่าง อะไรที่ผมไม่ได้พูดเองจากปากของผม กรุณามาถามผม หรือถามผ่านกลไกของ คสช.ได้ตลอดเวลาว่าใช่หรือไม่ จริงหรือไม่ ถ้ามีคนไปกล่าวอ้างอย่างโน้น อย่างนี้ ไม่มีนะครับ ผมไม่พบใครเลย ผมเพียงแต่รับคำปรึกษามาจากหลายส่วน หลายฝ่าย โดยผ่านคณะทำงานของผมทั้งสิ้น"
หัวหน้า คสช.กล่าวอีกว่า ขอให้มั่นใจการทำงานของเรา แก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก เรื่องข้าว ผลิตผลการเกษตร ภาษี ราคาพลังงาน ทุกอย่างต้องทบทวน ชะลอเพื่อจะหาหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ส่วนเรื่องการรับผลประโยชน์ทุจริต เอื้อประโยชน์ คสช.นั้น ยืนยันไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเรามาเพื่อจะแก้สิ่งเหล่านั้น เราคงไม่มาทำใหม่ เพราะฉะนั้นตรวจสอบให้ดี ทั้ง คสช. ทั้งข้าราชการ ต้องไว้วางใจกันก่อน คือคนถ้าจะโกง ห้ามอย่างไรก็จะโกง และหาทางโกงกันจนได้ แต่ทุกคนก็ต้องเฝ้าดูกัน ช่วยกันระมัดระวัง และใช้วิธีการอันถูกต้องตามกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า เจตนารมณ์ของตนคือ การที่จะทำอย่างไรให้ประเทศชาติเกิดความรัก สามัคคี ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สร้างกฎระเบียบของสังคมขึ้นมา มีความเป็นธรรม ชอบธรรม โปร่งใส มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม นอกจากนี้ คสช.จะไม่ทะเลาะกับใครหรือกลุ่มใดที่มีความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ เนื่องจากทุกกลุ่มมีเหตุผลของตนเอง เพียงแต่ต้องมีการพูดคุย เพื่อหาทางในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
วอนร่วมปฏิรูปปท.-เลิกชู3นิ้วให้ชู5นิ้ว
พล.อ.ประยุทธ์เรียกร้องขอให้ทุกคนช่วยกันปฏิรูปประเทศขึ้นใหม่ จากการที่ประเทศไทยใกล้จะพังทลายลงทุกระบบ ขอให้ร่วมมือกับ คสช.
"วันนี้ต้องไม่มีพวก ไม่มีฝ่าย ส่วนการชูสามนิ้วถือว่าเป็นหลักการของต่างประเทศ ผมไม่อยากขัดแย้ง แต่ถ้าต้องการจะชูสามนิ้วขอให้ชูในบ้าน หากชูนอกบ้านก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อประกาศ วันนี้ต้องชูห้านิ้วกันแล้ว สองนิ้วคือเพื่อชาติ เพราะชาติสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด อีกสามนิ้วคือศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ขอร้องอย่าชูสามนิ้วเลียนแบบต่างชาติ เลียนแบบภาพยนตร์ ประเทศไทยไม่เหมือนที่อื่น ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่อยากให้ทุกคนภูมิใจ เพราะเรายังอยู่กันได้ เราจะทะเลาะ โกรธ หรือเกลียดกัน เดี๋ยวเราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ แต่ขอเวลา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ยกเลิกเคอร์ฟิว ชะอำ-หัวหิน-กระบี่-พังงา
เวลา 21.45 น. คสช.ออกประกาศฉบับที่ 54/2557 เรื่อง ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานในบางพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อเป็นการผ่อนคลายและบรรเทาผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน จึงให้ยกเลิกการประกาศห้ามออกนอกเคหสถานในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี , อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ , จ.กระบี่ และ จ.พังงา สำหรับพื้นที่อื่นๆ ให้ยังคงปฏิบัติตามประกาศ คสช.ตามเดิม
คสช.เรียก 12 คน รายงานตัวเพิ่ม
ต่อมา คสช.ออกคำสั่งฉบับที่ 50/2557 เรื่องให้บุคคลมารายงานตัวเพิ่มเติม ณ ห้องจามจุรี สโมสรทหารบก เทเวศร์ ในวันที่ 7 มิถุนายน เวลา 10.00-12.00 น. ดังนี้ 1. นายทนง ศิริปรีชาพงษ์ 2. นายอุสมาน สะแลแมง 3. นายวิจารณ์ แสนสี่ 4. นายจำเริญ ชีวินเฉลิมโชติ 5. นายมนตรี พฤกษาพันธ์ทวี 6. นายวสุพล จตุรคเชนทร์เดชา 7. นายหรั่ง ธุระพล 8. น.ส.นุชนาถ สุวรรณคร 9. นายฉกาจ คหบดีรัตน์ 10. พ.ต.ท.อุทัย บทมาตย์ 11. นายเจ๊ะอาแว สะมารอเม๊าะ 12. นายประสิทธิ์ ดวงเพ็ชร
沒有留言:
張貼留言