2013年12月15日 星期日
2013年12月14日 星期六
2013年12月13日 星期五
2013年12月12日 星期四
泰總理穎拉•欽那瓦的新聞發布 คำแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงการณ์ว่า ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ความขัดแย้งและการชุมนุมทางการเมืองต่อเนื่องมาระยะหนึ่ง เป็นเหตุให้ทุกฝ่ายมีความกังวลใจและห่วงใยในอนาคตของบ้านเมืองร่วมกัน หรือการหาทางออกในอนาคต รัฐบาลในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบการบริหารราชการแผ่นดิน ได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยให้เป็นไปอย่างสันติ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
รัฐบาลพร้อมที่จะเปิดใจกว้างรับฟังความคิดเห็น หรือร่วมเวทีหารือเพื่อแสวงหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย จากการติดตามข่าวสารที่ปรากฏต่อสาธารณชน เป็นที่เห็นได้ชัดว่ามีความพยายามขององค์กรต่างๆที่จะเปิดพื้นที่หรือเวทีสำหรับการพูดคุยตามแนวทางสันติวิธี เพื่อให้ได้แนวทางการปฏิรูปประเทศไทยในวันข้างหน้า
ซึ่งเมื่อได้มีการตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาและกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แล้วควรจะได้มีการหารือร่วมกันระหว่างทุกฝ่ายบนพื้นฐานของสันติวิธีที่จะดำเนินการคู่ขนานกันไปในระหว่างรอการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์และเห็นว่าควรมีการแสวงหาข้อตกลงร่วมกันว่าในอนาคตหลังจากการเลือกตั้งแล้วจะมีแนวทางการปฏิรูปประเทศไทยที่เป็นรูปธรรมอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความสบายใจของทุกภาคส่วน
รัฐบาลได้พิจารณาความเห็นดังกล่าว ประกอบกับข้อมูลข่าวสารและข้อเสนอที่หลายฝ่ายในสังคมไทยกำลังช่วยกันระดมความคิดเพื่อให้เราสามารถก้าวเดินต่อไปได้ ขอเรียนว่ารัฐบาลยินดีที่จะช่วยอำนวยความสะดวกเพื่อให้เกิดเวทีดังกล่าว ทั้งนี้ได้ขอให้นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี รับไปดำเนินการเบื้องต้นเพื่อเชิญชวนภาคส่วนต่างๆที่เป็นตัวแทนของพรรคการเมือง ภาคเอกชนและภาคธุรกิจ ภาคราชการ สถาบันการศึกษา ภาคสังคม ภาคประชาชน ทุกกลุ่มการเมือง องค์กรต่างๆ และนักกฎหมาย นักวิชาการที่มีความหลากหลายรวมถึงสื่อมวลชน เข้ามาร่วมหารือทางออกตามแนวทางที่เป็นไปได้ ซึ่งรัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวกในการเปิดเวทีนี้ เพื่อให้ประเทศไทยของเราก้าวไปข้างหน้า
โดยขอเชิญประชุมหารือร่วมกันในวันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2556 เวลา 9.00 น. ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการหารือ
รัฐบาลหวังว่าหลังจากการประชุมร่วมหารือกันในลักษณะที่เปิดใจกว้างเช่นนี้ เชื่อว่าจะมีข้อเสนอที่ชัดเจนเพื่อให้ทุกฝ่ายในสังคมไทยได้มองเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาประเทศและเห็นชอบร่วมกันต่อไป
2013年12月11日 星期三
2013年12月10日 星期二
2013年12月9日 星期一
今天上午九點泰總理穎拉宣布解散國會 นายกยิ่งลักษณ์ ประกาศ ยุบสภา 9 ธันวาคม 2556
สวัสดีค่ะ พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพรักทุกท่านค่ะ
ดิฉันนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอเรียนแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบว่าจากการที่ดิฉันได้หารือและรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกภาคส่วนแล้ว ดิฉันจึงได้ตัดสินใจขอพระราชทานทูลเกล้าฯ ถวาย ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2556 เพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย ด้วยเหตุผลดังนี้
1. การยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นกระบวนการตามปกติของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ดังที่ปรากฎอยู่ในประเทศที่ใช้ระบอบนี้ ซึ่งประเทศไทยได้ยึดถือธรรมเนียมการปฏิบัติดังกล่าวมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ บัญญัติรองรับการยุบสภาผู้แทนราษฎรไว้ และได้มีการยุบสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วหลายครั้ง เช่น ปี พ.ศ. 2539 พ.ศ. 2543 พ.ศ.2549 และ พ.ศ. 2554
2. ตามที่รัฐบาลได้เข้ามารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2554 โดยมีภารกิจสำคัญในการแก้ไขวิกฤติการณ์ภายในประเทศหลายประการ ทั้งในเรื่องของมหาอุทกภัย ผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน รวมทั้งการฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศ การพยายามสร้างความปรองดอง ตลอดจนฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างสุดความสามารถ แก้ปัญหาต่าง ๆ จนลุล่วงไปได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นด้านความขัดแย้งทางการเมืองนั้น ยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง และถึงแม้รัฐบาลจะพยายามที่จะสร้างความเข้าใจอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเปิดเวทีปฏิรูปการเมือง หรือการทำประชามติ ก็ยังมีผู้ที่เห็นต่างและคัดค้าน ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะรับฟัง หากการคัดค้านนั้นเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา แต่ปรากฎว่ามีผู้คัดค้านจำนวนหนึ่งรวมทั้งสมาชิกพรรคฝ่ายค้านกลับเลือกที่จะใช้วิถีทางการชุมนุมต่อต้านนอกเวทีรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลก็ได้ดำเนินการบริหารการชุมนุมอย่างละมุนละม่อมและด้วยท่าทีที่ประนีประนอม อันเป็นการเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็นมาโดยตลอด และเพื่อรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้ประเทศและคนไทยต้องมีการสูญเสียอีก ด้วยประเทศไทยเจ็บปวดมามากพอแล้ว
แต่สถานการณ์ในวันนี้ รัฐบาลได้คำนึงถึงแนวคิดที่แตกต่าง และต่างฝ่ายต่างอ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชนจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลจึงเห็นว่าภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เมื่อถึงจุดที่ความคิดขัดแย้งอาจนำไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติและมีความรุนแรงจนอาจเกิดความสูญเสียขึ้น การคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ด้วยการยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เป็นวิถีทางที่เป็นไปตามหลักการแห่งระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าคนส่วนใหญ่ต้องการแนวทางใด และจะให้มาบริหารประเทศตามแนวทางนั้น
รัฐบาลใคร่ขอเชิญชวนให้ทุกกลุ่มทุกพรรคการเมืองที่มีความคิดเห็นแตกต่าง หลากหลาย ใช้เวทีการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยเป็นที่นำเสนอทางเลือกต่าง ๆ ให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
3. เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว รัฐมนตรีทั้งคณะย่อมพ้นจากตำแหน่งไปด้วยตามมาตรา 180 (2) แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 ซึ่งกำหนดไว้ด้วยว่าคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็นภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดในมาตราดังกล่าว
4. ขอให้ประชาชนทั้งหลายให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ซึ่งจะได้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้งถึงการกำหนดวันเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ รัฐบาลขอให้ประชาชนทำหน้าที่และใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยความพร้อมเพียง ใส่ใจและรอบคอบ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมที่สุด ซึ่งจะเป็นการแสดงเจตจำนงทางการเมืองโดยสันติ ตามวิถีทางรัฐธรรมนูญและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
2013年12月8日 星期日
2013年12月7日 星期六
在泰總理府舉行慶泰皇86聖壽晚會完整版 งานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ี 7 ธันว...
รัฐบาลจัดงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปในงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
วันนี้ (7 ธันวาคม 2556) เวลา 19.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พร้อมด้วย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ไปในงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งรัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
โอกาสนี้ รัฐบาลได้เชิญองคมนตรี คณะรัฐมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ทูตานุทูต กงสุล องค์การระหว่างประเทศ หัวหน้าพรรคการเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ข้าราชการทหาร 3 เหล่าทัพ ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการการเมือง ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการพลเรือน ประธานมูลนิธิ สมาคมการกุศล ผู้นำนักธุรกิจภาคเอกชน ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ รวมจำนวนประมาณ 4,000 คู่ ร่วมในงานสโมสรสันนิบาตฯ ครั้งนี้ด้วย
เวลา 19.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคู่สมรส และคณะบุคคลต่าง ๆ อาทิ รองนายกรัฐมนตรีและภริยา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฯลฯ ได้รอรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีและทูลเกล้าฯ ถวายพวงมาลัยแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภริยารองนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายมาลัยพระกรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ จากนั้น นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลเชิญเสด็จตามลาดพระบาทไปจนถึงที่ประทับหน้าตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อได้เวลาอันสมควรนายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานพระราชานุญาต กล่าวถวายพระพรชัยมงคล และเชิญชวนผู้ร่วมงานดื่มถวายพระพรชัยมงคล มีใจความว่า
ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท
ข้าพระพุทธเจ้านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะรัฐมนตรี คู่สมรส คณะทูตานุทูต ข้าราชการ และพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า
มีความปลื้มปีติเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงพระกรุณา เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเป็นประธาน ในงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้น เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2556 ในวันนี้
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มีความสำนึกและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นล้นพ้น ด้วยรู้แน่แก่ใจว่าตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ทรงดำรงสิริราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ ด้วยทศพิธราชธรรมอย่างมั่นคงสม่ำเสมอ ทรงทุ่มเทกำลังพระวรกาย กำลังพระราชหฤทัย กำลังพระปัญญาและพระราชทรัพย์ โดยมิได้ทรงย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรคและความเหนื่อยยาก เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข ให้ราษฎรทุกหมู่เหล่าได้อยู่อย่างผาสุกร่มเย็นบนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้ พระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง ได้นำความปลาบปลื้มโสมนัสมาสู่พสกนิกรทั่วประเทศอย่างหาที่สิ้นสุดมิได้
ณ วาระอันเป็นมิ่งมหามงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอพระราชทานพระราชานุญาต เชิญชวนผู้ที่ชุมนุมเฝ้าทูลละอองพระบาทอยู่ ณ ที่นี้ พร้อมกันน้อมอัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดดลบันดาลให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ทรงพระเกษมสุขทุกทิพาราตรีกาล มีพระราชประสงค์จำนงหมายสิ่งใดขอจงสัมฤทธิ์ ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญร่มเกล้าปวงข้าพระพุทธเจ้าและเหล่าพสกนิกรตราบกาลนิรันดร์ และ ณ โอกาสนี้ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชานุญาตนำผู้มีเกียรติที่มาร่วมในงานสโมสรสันนิบาตเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ ดื่มถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อความเป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสืบไป
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
จากนั้น ดนตรีกรมศิลปากรบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อจบเพลงสรรเสริญพระบารมี นายกรัฐมนตรี กล่าวคำ "ทรงพระเจริญ" 3 ครั้ง แล้วดื่มถวายพระพรชัยมงคล ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรแด่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รองนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตรแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
ต่อจากนั้น ทรงทอดพระเนตรการแสดงเฉลิมพระเกียรติชุด “พระทรงเป็นยิ่งกว่ามหากษัตริย์” จบแล้ว วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสดุดีมหาราชา 2 จบ นายกรัฐมนตรีและคู่สมรส ได้ส่งเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ณ รถยนต์พระที่นั่ง เพื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ โดยมีกองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงมหาชัย
2013年12月6日 星期五
2013年12月3日 星期二
今天下午五點泰總理穎拉的記者發布會 แถลงการณ์ นายกรัฐมนตรี 3 ธันวาคม 2556
เรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพทุกท่านค่ะ
หลังจากที่ได้ร่วมพิธีปฏิญาณตนเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ร่วมกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพนักงานรัฐวิสาหกิจหลายร้อยคนที่สโมสรทหารบกเมื่อเช้าวันนี้นะคะ และบ่ายวันนี้เองค่ะดิฉันได้เดินทางไปที่วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อที่จะร่วมฝึกซ้อมเตรียมการสำหรับงานพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ที่จะมาถึงในอีก 2 วันข้างหน้านี้นะคะ การซ้อมใหญ่วันนี้เป็นไปด้วยดีค่ะ ด้วยความเรียบร้อย และเพราะความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายค่ะ และดิฉันก็ได้ทราบและได้เห็นเองว่าการเตรียมการ พร้อมกับการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ที่จะได้เข้าชมพระบารมีนั้น รวมถึงการถวายพระพรชัยมงคล มีความพร้อมอย่างเต็มที่ และงานพระราชพิธีเป็นไปอย่างสมพระเกียรติค่ะ
ขณะเดียวกันขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองแม้ว่าเรายังไม่ได้กลับคืนสู่สภาวะปกติ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ได้เห็น ติดตาม ความคืบหน้าของสถานการณ์การเมืองนั้นก็มีความคลี่คลายไปในทางบวก รัฐบาลได้ขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความละมุนละม่อม ไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน เพื่อไม่ให้นำไปซึ่งความรุนแรง หรือการเสียเลือดเนื้อ หรือความรุนแรงกับพี่น้องประชาชน ซึ่งเราเองก็อยากเห็นการแก้ปัญหาเพื่อที่จะนำมาสู่ความสงบสุข และความสุขของพี่น้องประชาชนในระยะยาว แม้ว่าในวันนี้ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ดิฉันก็เชื่อว่าคนไทยของเรานั้นจะสามารถหาทางออกให้กับประเทศได้
ดิฉันจึงอยากขอเชิญชวนนักวิชาการ นักธุรกิจ และกลุ่มบุคคลทุกสาขาอาชีพ ตลอดจนผู้ชุมนุมทางการเมือง ได้ร่วมใจกันเปิดเวทีที่จะระดมความคิดเห็น เพื่อหาคำตอบ และนำไปสู่การปฏิรูปการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขค่ะ ซึ่งเป็นการหารือที่อยากเห็นการหารือที่เปิดกว้างให้ทุกฝ่ายได้แสดงออกถึงความคิดเห็น และระดมความคิดเพื่อให้ได้คำตอบที่ตกผลึกและดีที่สุดสำหรับประเทศ และดีที่สุดสำหรับอนาคตของลูกหลานของเราค่ะ
ในโอกาสนี้ ดิฉันเองเพื่อจะให้เศรษฐกิจต่าง ๆ และความเชื่อมั่นกลับคืนมา ก็อยากขอเชิญชวนภาคเอกชนที่จะร่วมกันในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว นักลงทุน และรวมถึงคนไทยของเรานั้นได้มีความเชื่อมั่น และเป็นเดือนของความสุขด้วยนะคะ และที่สำคัญเราอยากเห็นคนไทยของเรานั้นได้หันหน้าเข้าหากันที่จะร่วมแก้ปัญหาบ้านเมือง เพื่อให้เกิดความสันติ และให้เราก้าวไปข้างหน้าได้
ทั้งหมดนี้ดิฉันก็เชื่อมั่นว่า ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาในปีนี้ก็จะเป็นอีกครั้งหนึ่งค่ะ ที่ประชาชนชาวไทยจะได้มีความสุข และได้แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นที่รัก เคารพ และจงรักภักดีของพวกเราทุกคนค่ะ
โอกาสนี้ ดิฉันขอฝากสื่อมวลชนทุกท่าน ทุกแขนงค่ะ ที่จะได้ช่วยกันพิจารณานำเสนอเรื่องราวที่เป็นความสุข เป็นสิริมงคลในช่วงนี้ เช่น เรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจหรือกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อทุกคนได้ร่วมกันจัดถวายเป็นราชสักการะ นอกจากนั้นในระยะยาวดิฉันหวังว่า สื่อของเราจะเป็นสื่อที่สร้างสรรค์ หลีกเลี่ยงการสร้างความจงเกลียดจงชังให้เกิดขึ้นในจิตใจของพวกเรากันเอง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่ออนาคตลูกหลานและอนาคตของบ้านเมืองของเราต่อไป
สำหรับคนไทยทุกคน ดิฉันก็เชื่อว่าวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม ของทุกปี มีความหมายพิเศษยิ่ง และมีความหมายที่ยิ่งกว่าเพียงแค่วันหนึ่งในเดือนธันวาคม หากแต่วันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์สำหรับหัวใจคนไทยค่ะ เพราะเป็นวันที่เราจะตั้งใจร่วมกันทำความดี มีความรักความสามัคคีให้กับเพื่อนร่วมชาติ ตั้งใจมั่นที่จะทำหน้าที่ของแต่ละคนจนเต็มกำลัง เพื่อให้เกิดความเจริญยั่งยืนตามรอยพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างให้เราได้เห็นมาตลอดชีวิตค่ะ ขอบคุณค่ะ
2013年12月1日 星期日
訂閱:
文章 (Atom)